ไดอัลเกจ (Dial Gauge)
เป็นเครื่องมือวัดที่มีหน้าปัดและสเกลคล้ายกับนาฬิกา โดยแต่ละสเกลจะมีค่าความละเอียดค่าหนึ่งที่กำหนดไว้
โดยค่าที่นิยมใช้มีด้วยกัน อยู่ 2 ค่า นั้นก็คือ 0.01 mm.และ 0.001 mm. งานที่เหมาะกับการใช้ไดอัลเกจ ได้แก่
การวัดความเป็นระนาบ ความขนาน ระยะเยื้องศูนย์ เช่น วัดหาศูนย์ของวัตถุก่อนการขึ้นรูปชิ้นงาน เช่น การกลึง การกัด เป็นต้น
ด้วยความที่ไดอัลเกจ มีความละเอียดสูงจึงนิยมนำไปใช้ในการตรวจสอบตำแหน่งก่อนการขึ้นชิ้นงานในกระบวนการต่าง ๆ
ยกตัวอย่าง เช่น การตั้งระดับชิ้นงานบน เครื่อง CNC , เครื่องกลึง และอื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบความคลาดเคลื่อนของการทำงานของเครื่องจักรได้อีก
1.ฝากันฝุ่น (dust cap) เป็นส่วนที่ใช้ป้อนกันฝุ่นละอองเข้าไปที่อุปกรณ์
2.เข็มยาว (long pointer) ใช้บ่งบอกระยะการเคลื่อนที่ของหัววัด
3.เข็มสั้น (short pointer) เป็นเข็มที่ใช้เพื่อนับระยะการเคลื่อนที่ของเข็มยาว ในกรณีที่เข็มยาวเคลื่อนที่ได้มากกว่า 1 รอบ โดยเมื่อเข็มยาวเคลื่อนที่ครบทุก 1 รอบ เข็มสั้นจะเคลื่อนที่ไป 1 สเกล
4.หน้าปัดนับรอบ (revolution counter) เป็นตัวเลขที่ใช้ระบุค่าเมื่อเข็มยาวหมุนวนครบ 1 รอบ โดยวิธีการนี้ใช้ได้กับไดอัลเกจที่มีหน้าปัดนับรอบประกอบด้วยเลข 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9
5.สเกล (scale) บนแผ่นสเกลจะมีลักษณะคล้ายหับหน้าปัดของเข็มนาฬิกา โดยสเกลจะถูกแบ่งออกเป็นช่องเท่าๆ กัน โดยมากจะใช้ 100, 200 ช่อง ขึ้นกับวิธีการใช้งาน และความละเอียดที่ต้องการ
6.ตัวเรือน (body) เป็นส่วนที่ป้องกันอึปกรณ์ภายในไม่ให้เกิดควาามเสียหาย
7.ก้าน (stem) เป็นส่วนที่ใช้ยึดไดอัลเกจให้มั่นคงในขณะที่ทำการวัด
8.แกนเลื่อน (spindle or plunger) เป็นส่วนที่อยู่ระหว่าง ก้านและหัววัด โดยแกนเลื่อนจะเคลื่อนที่ขึ้นและลงในขณะที่ทำการวัด
9.หัววัด (contact point) เป็นส่วนที่สัมผัสกับผิวชิ้นงานในขณะที่ทำการวัด
ข้อดีของการใช้ ไดอัลเกจ
1. การวัดขนาดเป็นการอ่านค่าโดยตรงจากสเกลหน้าปัดและเข็ม จึงมีความคลาดเคลื่อนในการอ่านค่าน้อย
2. ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ราคาย่อมเยา และใช้งานง่าย
3. สามารถวัดขนาดด้วยช่วงการเคลื่อนที่กว้างและสามารถวัดแบบต่อเนื่องได้
4. สามารถวัดขนาดหลายตำแหน่งพร้อมกันได้